ส่งศพชันสูตรรอบ2 คนสนิทมึนกลุ่มญาติ โทร.จิกถามที่ซ่อนเงิน หมอโผล่ให้การแล้ว
ครอบครัวส่งศพ"ไมเคิล แจ๊กสัน" ให้หน่วยงานอิสระผ่าชันสูตรหาสาเหตุการตายซ้ำอีกรอบ ด้านเจ้าหน้าที่สืบสวนคดีระบุหมอประจำตัวเป็นแค่พยาน ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย หลังเจ้าตัวโผล่เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ "เด็บบี้ โรว์"อดีตเมียคนที่ 2 เผยลูกชายวัย 12 กับลูกสาว 11 ขวบ ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของราชาเพลงป๊อป แต่เกิดจากชายผู้ไม่ประสงค์ออกชื่อขายเชื้ออสุจิให้เพื่อใช้ในการผสม เทียม อดีตพี่เลี้ยงลูกทั้ง 3 คนแฉญาติ แจ๊กสันโทร.ถามหาที่ซ่อนเงิน หลังจากแจ๊กสันเพิ่งสิ้นใจแค่ไม่กี่ชั่วโมง พร้อมเตรียมวางแผงอัลบั้มเพลงขายหาเงินล้างหนี้
จากเหตุการณ์แฟนเพลงทั่วโลกร่วมไว้อาลัยให้กับ "ไมเคิล แจ๊กสัน" ราชาเพลงป๊อปวัย 50 ปี ที่เสียชีวิตจากการใช้ยาแก้ปวดเกินขนาดจนทำให้หัวใจวายกะทันหัน ขณะเดียวกันก็เริ่มเกิดปัญหาเกี่ยวกับทรัพย์สินมรดก และลูกทั้ง 3 คนที่ยังไม่รู้จะลงเอยอย่างไร รวมถึงกรณีที่ครอบครัว "แจ๊กสัน" และคนใกล้ชิดยังติดใจผลการชันสูตรศพ ซึ่งทางตำรวจลอสแองเจลิสพยายามติดตามแพทย์ประจำตัวของไมเคิล แจ๊กสัน มาให้ปากคำ เนื่องจากเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเหตุการณ์ในวันที่ราชาเพลงป๊อปจบชีวิตเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น
เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. สำนักข่าวสกายนิวส์รายงานว่า น.พ.คอนราด เมอร์เรย์ หมอประจำตัวของไมเคิล แจ๊กสัน ที่เชื่อว่าเป็นคนฉีดยาแก้ปวดเดเมอรอลให้แจ๊กสัน และได้หายตัวไปหลังแจ๊กสันเสียชีวิตนั้น ล่าสุด น.พ.เมอร์เรย์เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่แล้ว และออกมาเปิดเผยผ่านน.ส.มิรันดา เซฟซิค โฆษกประจำตัวว่าตนเองไม่ได้เป็นผู้ต้องสงสัยในเหตุการตายของแจ๊กสันแต่อย่างใด สอดคล้องกับทางทีมสืบสวนสอบสวนคดีที่กล่าวเช่นเดียวกันว่า น.พ.เมอร์เรย์ไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัย แต่อยู่ในฐานะพยาน
นายบิล สแตรดลีย์ ทนายความของ น.พ.เมอร์เรย์กล่าวว่า น.พ.เมอร์เรย์ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐอย่างดี และปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าได้หายตัวไปหลังจากแจ๊กสันเสียชีวิตว่าไม่เป็นความจริง หมอเมอร์เรย์อยู่กับแจ๊กสันขณะเสียชีวิตและเดินทางไปด้วยในรถพยาบาลจนถึงโรงพยาบาล และอยู่กับแจ๊กสันที่โรงพยาบาลอีกหลายชั่วโมง อีกทั้งยังแสดงความเสียใจกับครอบครัวของแจ๊กสัน และก็ไม่ได้เดินทางออกจากลอสแองเจลิสเลย นับตั้งแต่ที่แจ๊กสันเสียชีวิต
เอเอฟพีและบีบีซีรายงานว่า ครอบครัวของไมเคิล แจ๊กสัน ได้ส่งศพให้หน่วยงานอิสระช่วยชันสูตรพลิกศพซ้ำอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังจากทีมชันสูตรพลิกศพของนครลอสแอนเจลิสให้คำตอบสาเหตุการเสียชีวิตของราชาเพลงป๊อบไม่ได้ในขณะนี้ เนื่องจากต้องรอผลการตรวจด้านพิษวิทยาอีกราว 4-6 สัปดาห์ โดยขณะนี้กระบวนการชันสูตรศพครั้งใหม่เริ่มต้นแล้ว แต่ครอบครัวแจ๊กสันไม่เปิดเผยถึงสถานที่ในการชันสูตรศพ
ขณะที่สาธุคุณเจสซี่ แจ๊กสัน ตัวแทนครอบครัวแจ๊กสัน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพี ว่าการที่ครอบครัวส่งศพแจ๊กสันไปชันสูตรซ้ำรอบสองเพราะเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นผิดปกติ หมอประจำตัวแจ๊กสันไม่เคยแจ้งอะไรให้ครอบครัวรับรู้ว่าหมอฉีดยาอะไรให้แจ๊กสัน ครอบครัวเจ็บปวดจากการสูญเสีย แต่กลับยังไม่รู้สาเหตุของการเสียชีวิต
พร้อมกันนี้ครอบครัวแจ๊กสันยังออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการเสียชีวิตของราชาเพลงป๊อปโลก ใจความว่า "ในช่วงเวลาแห่งความมืดมิดที่สุดในชีวิตของเรา เราพบว่าไม่อาจใช้ถ้อยคำที่เหมาะสมต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันที่เราต้องเผชิญ ลูกชายที่รักของเรา น้องชายและพ่อของลูกๆ 3 คน ได้จากไปอย่างไม่คาดฝัน เป็นโศกนาฏ กรรมที่เกิดขึ้นเร็วเกินไป ไมเคิลจากไปโดยไม่ได้กล่าวคำพูดสุดท้ายไว้ให้กับเราและครอบครัว พวกเราจะคิดถึงไมเคิลตลอดไป ความเจ็บปวดที่เราได้รับไม่อาจที่จะอธิบายเป็นคำพูด แต่ไมเคิลไม่ต้องการให้เรายอมแพ้ต่อความเจ็บปวดนั้น เรามีความปรารถนาที่จะกล่าวคำขอบคุณต่อผู้ที่สนับสนุนไมเคิล อย่างแท้จริง รวมทั้งบรรดาแฟนเพลงทั่วโลกที่มั่นคงต่อไมเคิล และพวกคุณเป็นผู้ที่ไมเคิลรักมาก ขออย่าสิ้นหวัง เนื่องจากไมเคิลจะยังคงอยู่เคียงข้างพวกคุณทุกคนตลอดไป"
เดลี่เมล์รายงานว่า ครอบครัวของแจ๊กสันต้องการให้แจ๊กสันเข้ารับการบำบัดอาการเสพติดยาหลายขนานเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนที่แจ๊กสันจะเสียชีวิต โดยครอบครัววิตกเกี่ยวกับการติดยาแก้ปวดชนิดร้ายแรงของแจ๊กสัน โดยมีแผนจะร้องขอต่อศาลให้แจ๊กสันเข้ารักษาที่คลินิก ด้วยเหตุผลว่าแจ๊กสันอาจทำอันตรายตนเองและผู้อื่น ในช่วงที่แจ๊กสันได้รับแรงกดดันมหาศาลจากการเตรียมตัวขึ้นคอนเสิร์ตในกรุงลอนดอน แต่แจ๊กสันปฏิเสธ ยอมแค่รับการปรึกษาจากนักบำบัดและยอมให้มีผู้เชี่ยวชาญด้านบำบัดการเสพติดยาเดินทางติดตามไปอังกฤษด้วย โดยมีการเปิดเผยว่าแจ๊กสันเคยล้มป่วยจากการใช้มอร์ฟีนเกินขนาดเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เนื่องจากความเครียดช่วงที่เกิดคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กชาย
ไทม์สของอังกฤษรายงานว่า นางเด็บบี้ โรว์ วัย 50 ปี อดีตภรรยาคนที่ 2 ของไมเคิล แจ๊กสัน ซึ่งใช้วิธีผสมเทียมให้กำเนิดลูก 2 คน คือด.ช.พรินซ์ ไมเคิล จูเนียร์ วัย 12 ปี และด.ญ.ปารีส ไมเคิล แคตเธอรีน วัย 11 ขวบ ยืนยันจะไม่ฟ้องแย่งสิทธิการเลี้ยงดูบุตรกับทางครอบครัวของแจ๊กสัน โดยแหล่งข่าวใกล้ชิดนางโรว์เผยว่า นางโรว์ขอแค่มีสิทธิได้พบลูกบ่อยขึ้นกว่าเดิมก็พอใจแล้ว โดยไม่คิดฟ้องแย่งลูกกับนางแคเธอรีน แจ๊กสัน วัย 79 ปี แม่ของแจ๊กสัน ที่เข้ามาเป็นผู้ดูแลลูกๆ ทั้งหมดของแจ๊กสัน ขณะที่แหล่งข่าวใกล้ชิดครอบครัวแจ๊กสันเผยว่า ลูกๆ ของไมเคิล แจ๊กสัน ทุกคนมีสุขภาพดีแต่คิดถึงพ่อและต้องการอยู่กับปู่และย่า ขณะนี้เด็กๆ อยู่ในการดูแลของครอบครัวแจ๊กสันในลอสแองเจลิส
ส่วนเรื่องเพลงที่แจ๊กสันแต่งค้างไว้ขณะยังมีชีวิต รวมถึงเพลงที่มีเนื้อหาเตือนให้ตระหนักถึงภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งแจ๊กสันแต่งไว้ก่อนเสียชีวิตเพียง 2 วัน จะมีนักแต่งเพลงชื่อดังมาแต่งต่อให้ และคาดว่าจะเป็นเพลงที่ทำเงินให้กับครอบครัวของแจ๊กสันอย่างมหาศาล โดยครอบครัวแจ๊กสันจะวางแผงอัลบั้มต่างๆ ของแจ๊กสันเป็นชุด คาดว่าจะล้างหนี้ได้ประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.7 หมื่นล้านบาท
ดีปัก โชปรา เพื่อนลูกครึ่งอเมริกัน-อินเดียของแจ๊กสัน และเป็นปรมาจารย์เพลงนิวเอจซึ่งเคยร่วมงานกับมาดอนน่าเผยว่า แจ๊กสันโทรศัพท์หาตนเองเมื่อสัปดาห์ก่อน พร้อมกับบอกว่ากำลังแต่งเพลงหลายเพลง คาดว่าจะดังเปรี้ยงอย่างแน่นอนหลังจากเพลงฮิตอย่างบิลลี่ จีน และอยากให้โชปราร่วมเขียนเนื้อร้องให้ในเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อสิ่งแวดล้อม
หนังสือพิมพ์นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ ฉบับวันอาทิตย์ของเดอะซัน รายงานว่า นางเกรซ รวารัมบา ชาวอูกันดา วัย 42 ปี ซึ่งสนิทสนมกับแจ๊กสันและลูกทั้ง 3 คน เพราะทำงานให้แจ๊กสันมานาน 17 ปี ในตำแหน่งเลขานุการ 5 ปี และเป็นพี่เลี้ยงเด็ก 12 ปี อยู่ในกรุงลอนดอนช่วงที่แจ๊กสันเสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังจากได้ข่าวว่าแจ๊กสันเสียชีวิต ตนเองเตรียมตัวจะบินกลับไปช่วยดูแลลูกๆ ของแจ๊กสัน แต่ได้รับโทรศัพท์จากคนในครอบครัวของแจ๊กสันถามว่า "เกรซ คุณจำได้ใช่ไหมว่าแจ๊กสันซ่อนเงิน สดไว้ในบ้าน ตอนนี้ฉันอยู่ที่นี่แล้ว เงินอยู่ไหน" ซึ่งตนตอบกลับไปว่าให้ดูในถุงขยะและใต้พรมต่างๆ แต่แปลกใจว่าแจ๊กสันเพิ่งเสียชีวิตไปไม่กี่ชั่วโมง แต่ญาติกลับโทร ศัพท์มาถามเรื่องเงินที่ซ่อนไว้ นอกจากนี้ญาติของแจ๊กสันยังบอกกับตนว่าเด็กๆ ร้อง ไห้และถามหาตน โดยเด็กๆ ยังไม่เชื่อว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว
เกรซเผยด้วยว่า เคยช่วยกดปั๊มท้องให้แจ๊กสันเพื่อป้องกันไม่ให้กินยาเกินขนาดจนอาจเสียชีวิต และเคยอยู่เป็นเพื่อนแจ๊กสันในชั้นใต้ดินนานหลายสัปดาห์เวลาที่แจ๊กสันเสียสติและมีอาการทางประสาท นอกจากนี้ลูกๆ ของแจ๊กสันยังเกลียดหน้ากากที่พ่อบังคับให้ใส่เพื่อปิดบังใบหน้าเวลาออกไปข้างนอก อดีตพี่เลี้ยงบอกอีกว่า คดีฟ้องร้องล่วงละเมิดทางเพศเด็กในปี 2548 ทำให้แจ๊กสันเหลือเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าแจ๊กสันมีเงินจริงๆ ก็หมดไปกับการพักตามโรงแรมหรูๆ มากกว่าเก็บเงินไว้ที่บ้าน ตนคิดว่าแจ๊กสันไม่มีเงินอย่างที่ใครๆ คิด
หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันยังได้สัม ภาษณ์เด็บบี้ โรว์ อดีตภรรยาของแจ๊กสัน แม่ของด.ช.พรินซ์ และด.ญ.ปารีส ที่อ้างว่าความจริงแจ๊กสันไม่ได้เป็นพ่อของเด็กทั้ง 2 คน โดยเด็กทั้ง 2 คนเกิดมาด้วยวิธีผสม เทียม ซึ่งเด็บบี้จ่ายเงินเพื่อให้ได้อสุจิของผู้บริจาคที่ไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่ง
เด็บบี้เล่าว่า ขณะทำงานเป็นพนักงานต้อนรับในคลินิกผิวหนังที่ไมเคิลไปรักษา ไมเคิลเพิ่งหย่าจากลิซ่า มารี เพรสลีย์ ภรรยาคนแรก ซึ่งเป็นลูกสาวของเอลวิส เพรสลีย์ และกำลังว้าเหว่มาก อยากมีลูก จึงเสนอว่าพร้อมจะอุ้มท้องให้เพื่อเป็นของขวัญ "ฉันได้อสุจิมาจากหลอดอันหนึ่ง มันไม่ใช่อสุจิของไมเคิล" เด็บบี้กล่าว และว่า ตนเองกับแจ๊กสันแต่งงานกันในปี 2549 และหย่าจากกันใน 3 ปีให้หลัง ตลอดเวลาที่แต่งงานกันไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางเพศ และต้องเสแสร้งทำเป็นครอบครัวอบอุ่นทั้งที่ไม่เคยอยู่ด้วยกันเลย ต่างคนต่างอยู่บ้านคนละหลัง สิ่งที่เจ็บปวดมากที่สุดคือหลังคลอดลูกคนที่สองแล้วเด็บบี้ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้อีก แจ๊กสันก็ไม่ได้ให้ความสนใจอีกต่อไป
เดอะซันรายงานด้วยว่า แจ๊กสันทำศัลยกรรมพลาสติกบนใบหน้ามาไม่ต่ำกว่า 20 ครั้ง รวมถึงการผ่าตัดทำจมูกเพื่อให้หายใจสะดวกและร้องเพลงได้ดีขึ้น โดย ดร.อเล็กซ์ คาริดิส ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมพลาสติก กล่าวว่า เหตุที่แจ๊กสันต้องการแปลงโฉมตัวเองเพราะในจิตใจส่วนลึกมีความรู้สึกอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อหนีปมอดีตในวัยเยาว์ที่ขมขื่น โดยฟันธงว่าแจ๊กสันเป็นคนที่ผ่าตัดมากที่สุดในโลก "ผมไม่คิดว่าการผ่าตัดจะทำให้แจ๊กสันมีความสุข มันอาจจะทำให้พอใจในตอนแรกเท่านั้น ผมคิดว่ามันคือสิ่งที่สะท้อนว่าแจ๊กสันไม่อยากแก่ เห็นได้จากการแต่งตัว"
แจ๊กสันทำจมูกโด่งแหลมเหมือนนอแรดเมื่อปี 2522 เพราะประสบอุบัติเหตุในการซ้อมเต้นจนจมูกหัก การผ่าตัดครั้งนั้นทำให้หายใจลำบาก หลังจากนั้นแจ๊กสันไปทำศัลย กรรมเพื่อความงามเป็นหลัก โดยเปลี่ยนโฉมทั้งใบหน้าและสีผิวในช่วงออกอัลบั้มทริล เลอร์ในปี 2526 จนได้ฉายาว่าแว็กโก้แจ๊กโก หรือแจ๊กสันจอมเพี้ยน รวมทั้งไปยืดผมด้วย ทำให้ไม่เหลือคราบของนักร้องผิวสีแอฟริกันอีกต่อไป กระทั่งมาถึงอัลบั้มแบด สีผิวของแจ๊กสันขาวขึ้น มีการไปทำจมูกซ้ำและทำคางบุ๋มด้วย ดร.คาริดิสคาดว่าการทำศัลยกรรมกว่า 20 ครั้งคาดว่าจะเสียเงินไปประมาณ 130,000 ปอนด์ หรือกว่า 7 ล้านบาท
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
บทความล่าสุด
วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552
เมียเก่าแฉแจ๊กสัน ไม่ใช่พ่อ ของลูกที่ผสมเทียม
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น